เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้🍪
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
โรคตาแห้ง (Dry eye) นับเป็นโรคของผิวหน้าดวงตาที่พบบ่อยเป็นลำดับต้นๆ ของปัญหาสุขภาพดวงตา เกิดได้จากหลายสาเหตุและปัจจัยร่วมกัน โดยลักษณะสำคัญของโรคตาแห้ง คือ การสูญเสียสภาวะสมดุลของน้ำตา ความไม่เสถียรของน้ำตา ได้แก่ การสร้างน้ำตาลดลง หรือ การระเหยของน้ำตาที่มากผิดปกติ ควบคู่กับการมีอาการทางตา เช่น อาการเคืองตา ไม่สบายตา รวมไปถึงการมองเห็นที่ผิดปกติไป
จักษุแพทย์จำแนกโรคออกเป็น 2 ชนิดตามสาเหตุ ได้แก่
กลุ่มโรคที่ส่งผลให้สร้างน้ำตาได้น้อยลง ได้แก่ กลุ่มโรคโชเกรน (Sjogren syndrome dry eye) โรคตาแห้งในผู้สูงอายุ ต่อมน้ำตาถูกทำลายจากสาเหตุต่างๆ ต่อมน้ำตาอักเสบเรื้อรัง การรักษาโดยการฉายรังสีบริเวณใบหน้าและลำคอ เยื่อบุตาอักเสบแบบมีพังผืด (cicatricial conjunctivitis: เช่น กลุ่มอาการสตีเวน-จอห์นสัน โรค Toxic epidermal necrolysis ริดสีดวงตา สารเคมีเข้าตา) และความผิดปกติของระบบประสาทส่งผลต่อการกระตุ้นการสร้างน้ำตาลดลง ซึ่งหนึ่งในสาเหตุนี้ที่สำคัญคือการใส่เลนส์สัมผัส (contact lens)
กลุ่มภาวะซึ่งส่งผลให้น้ำตาระเหยมากผิดปรกติ ได้แก่ ความผิดปกติของเปลือกตาโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อมมัยโบเมียน (ต่อมไขมันเปลือกตา) และโรคตาแห้งที่สัมพันธ์กับโรคของผิวหน้าลูกตา เช่น โรคภูมิแพ้ที่ตา การหยอดยาหยอดตาที่มีสารกันเสียผสมเป็นระยะเวลานานและปริมาณมากเกินคำแนะนำ การขาดวิตามินเอ และความไม่เสถียรของน้ำตาซึ่งพบมากขึ้นในปัจจุบันจากพฤติกรรมการใช้เครื่องมือดิจิตอลเป็นเวลานานและเป็นประจำ และการทำงานในออฟฟิศ
จากชนิดของโรคตาแห้ง สรุปคร่าวได้ดังนี้
ผลกระทบที่สำคัญคือ กระจกตาถลอก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงอื่นๆ ตามมาได้ เช่น การติดเชื้อที่กระจกตา แผลเป็นที่กระจกตา เนื้อเยื่อกระจกตาเปื่อย และกระจกตาทะลุ เป็นต้น
การรักษาโรคตาแห้งมีจุดประสงค์หลักคือแก้ปัญหาปริมาณน้ำตาที่ลดลง การอักเสบและความผิดปรกติของเปลือกตา
อ้างอิงจาก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
แผนกจักษุ ชั้น 1 โรงพยาบาลรามคำแหง 2
Email: information@ram2-hosp.com
Line Official: @ram2
โทร: 02-032-3888
บทความโดย
พญ.มัณฑนา ศุภวงศ์วรรธนะ
แพทย์เฉพาะทางด้านจักษุวิทยา
โรงพยาบาลรามคำแหง 2