เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้🍪
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ภาวะมุมตาแคบ (Primary angle closure) ความผิดปกติทางสรีรวิทยาส่งผลให้มุมตาซึ่งเป็นอวัยวะที่ใช้ในการระบายของเหลว (Aqueous humor) ในช่องหน้าลูก และรักษาสมดุลการไหลเวียนของของเหลวนี้ทำงานได้ลดลง ส่งผลสืบเนื่องให้ความดันลูกตาสูงขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมุมตาปิดเฉียบพลัน (Acute angle closure crisis) และโรคต้อหินชนิดมุมปิดเรื้อรัง (Chronic angle closure glaucoma) ได้
ภาวะมุมตาแคบเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น มุมตาแคบแต่กำเนิด (Primary angle closure) มักพบลักษณะเฉพาะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมและพบบ่อยในคนเชื้อชาติเอเชีย หรือ ภาวะต้อกระจกและเลนส์ตาบวมดันม่านตาจากด้านหลัง (Secondary angle closure) เป็นต้น
ในภาวะปกติ ตาจะผลิตของเหลวในลูกตาสม่ำเสมอ เมื่อถูกสร้างแล้ว ของเหลวเหล่านี้จะมีการไหลเวียนไปช่องหลังม่านตา (Posterior chamber) และส่งต่อไปยังช่องหน้าม่านตา (Anterior chamber) จากนั้นหมุนเวียนนำของเสียออกไปทางมุมตา ซึ่งมีลักษณะคล้ายตะแกรงระบายน้ำที่เรียกว่า Trabecular meshwork และดูดซึมกลับเข้าเส้นเลือดดำ
ไม่มีอาการบ่งชี้หรืออาการแสดงใดหากไม่มีความดันลูกตาสูงเฉียบพลัน ตรวจพบได้เมื่อผู้ป่วยพบจักษุแพทย์ และได้รับการตรวจผ่านกล้องและเลนส์พิเศษที่สัมผัสผิวกระจกตาแต่ไม่ทำอันตรายใด ๆ ต่อลูกตา รวมถึงการตรวจเพิ่มเติมด้วยเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อช่วยในการวินิจฉัยและวางแผนการรักษา
เสี่ยงต่อการเกิดมุมตาปิดเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะมีอาการตามัวเฉียบพลันและปวดตารุนแรงจากความดันลูกตาสูงเฉียบพลัน ตาแดง ปวดศีรษะและปวดตา คลื่นไส้อาเจียนได้ และโรคต้อหินชนิดมุมปิดเรื้อรังจากความดันลูกตาที่ค่อยๆ สูงขึ้น เป็นระยะเวลานาน ซึ่งทั้ง 2 ภาวะนี้อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร
เมื่้อตรวจพบภาวะมุมตาแคบเป็นบริเวณกว้างกว่า 180 องศา แม้ไม่มีอาการแสดงใดๆ ควรได้รับการรักษาด้วยการยิงเลเซอร์ม่านตา (Laser peripheral iridotomy) เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะมุมตาปิดเฉียบพลันและโรคต้อหินชนิดมุมปิด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
แผนกจักษุ ชั้น 1 โรงพยาบาลรามคำแหง 2
Email: information@ram2-hosp.com
Line Official: @ram2
โทร: 02-032-3888
แนะนำแพทย์แผนกจักษุ