ซีสต์รังไข่ (Ovarian Cyst) ปัญหากวนใจของคุณผู้หญิง

November 11 / 2025

ซีสต์รังไข่


 

 

     ซีสต์รังไข่ (Ovarian Cyst) คือ ถุงน้ำหรือถุงที่มีสารอื่นบรรจุอยู่ ที่เกิดขึ้นบนหรือภายในรังไข่ของผู้หญิง พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ คือ ช่วงอายุ 15-49 ปี และส่วนใหญ่ (กว่า 90%) ไม่ใช่เนื้อร้ายหรือมะเร็ง และมักไม่ก่อให้เกิดอาการใด ๆ


ประเภทของซีสต์รังไข่

1. ซีสต์ที่เกิดจากการทำงานของฮอร์โมน (Functional Cysts)

เป็นซีสต์ที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากการทำงานตามปกติของรังไข่ในรอบเดือน ซีสต์กลุ่มนี้ มักจะหายไปได้เอง ภายใน 1-3 เดือน และไม่ใช่มะเร็ง ซีสต์กลุ่มนี้แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่

 

  • Follicular Cyst (ซีสต์ถุงไข่) คือ ถุงไข่ (Follicle) ที่เจริญเติบโตตามปกติเพื่อเตรียมตกไข่ แต่สุดท้ายไม่เกิดการตกไข่ สามารถหายไปได้เอง 1-3 เดือน
  • Corpus Luteum Cyst (ซีสต์คอร์ปัสลูเทียม) เกิดขึ้นหลังการตกไข่เมื่อถุงไข่ที่ปล่อยไข่ไปแล้ว โดยถุงไข่ที่ตกไข่ไปแล้วจะกลายสภาพเป็นเนื้อเยื่อที่เรียกว่า “คอร์ปัส ลูเทียม” ซึ่งมีหน้าที่สร้างฮอร์โมนเพื่อรอรับการตั้งครรภ์ แต่ในบางครั้ง อาจมีของเหลวหรือเลือดไปคั่งอยู่ภายในจนกลายเป็นซีสต์ ซึ่งโดยปกติ ซีสต์ชนิดนี้จะฝ่อและสลายไปเองเมื่อร่างกายไม่เกิดการตั้งครรภ์ และนำไปสู่การมีประจำเดือนในที่สุด

 

2. ซีสต์ที่เกิดจากพยาธิสภาพ (Pathological Cysts)

ซีสต์ชนิดนี้เกิดจากความผิดปกติของเซลล์รังไข่ ซีสต์กลุ่มนี้ จะไม่หายไปเอง และมักจำเป็นต้องได้รับการรักษา เช่น การใช้ยา หรือการผ่าตัด และต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ซีสต์กลุ่มนี้แบ่งได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่

 

  • ช็อกโกแลตซีสต์ (Endometrioma) เกิดจากภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) เยื่อบุโพรงมดลูกที่ปกติจะหลุดออกมาเป็นประจำเดือน ไปเติบโตผิดตำแหน่งที่รังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูกที่รังไข่ยังคงทำหน้าที่เหมือนเดิม คือ หลุดลอกตามรอบประจำเดือนแต่เนื่องจากอยู่ในรังไข่ ไม่มีทางออก จึงสะสมตัวกลายเป็นซีสต์ ภายในบรรจุเลือดเก่าๆ ที่สะสมมานานมีสีคล้ำ คล้ายช็อกโกแลต จึงเรียกว่า "ช็อกโกแลตซีสต์"
  • เดอร์มอยด์ซีสต์ (Dermoid Cyst หรือ Teratoma) เกิดจากเซลล์ที่ควรจะเป็นผิวหนัง ผม ขน ไขมัน กระดูก และเนื้อเยื่ออื่น ๆ ปะปนกัน ไปเจริญที่รังไข่เกิดเป็นซีสต์ สามารถโตขึ้นได้เรื่อย ๆ ทำให้เกิดความเจ็บปวดได้
  • ซีสตาดีโนมา (Cystadenoma) เป็นเนื้องอกของรังไข่ที่ไม่ใช่มะเร็ง ที่สร้างของเหลวภายใน อาจมีขนาดใหญ่มากได้ มีทั้งแบบถุงน้ำใส (Serous) และถุงน้ำเมือก (Mucinous)
  • มะเร็งรังไข่ (Ovarian Cancer) เป็นซีสต์ชนิดที่ พบได้น้อย แต่ถือเป็นชนิดที่ อันตรายที่สุด โดยมักตรวจพบในสตรีวัยใกล้หมดประจำเดือนและวัยหมดประจำเดือน

 

อาการของซีสต์รังไข่

ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ แต่ถ้าซีสต์มีขนาดใหญ่ หรือเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ซีสต์รังไข่บิดขั้ว หรือซีสต์รังไข่แตก อาจมีอาการ

 

  • ปวดหน่วง ๆ หรือ ถ่วง ๆ ที่ท้องน้อย
  • ท้องอืด ท้องเฟ้อ รู้สึกแน่นท้อง
  • ปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
  • ปัสสาวะบ่อยขึ้น ถ้าซีสต์ใหญ่จนไปเบียดกระเพาะปัสสาวะ
  • ประจำเดือนมาผิดปกติ (พบได้บ้าง แต่ไม่ใช่อาการหลัก)

 

อาการฉุกเฉินของซีสต์รังไข่ (ควรรีบพบแพทย์)

ปวดท้องน้อยรุนแรงเฉียบพลัน (อาจร่วมกับคลื่นไส้ อาเจียน เป็นไข้) ซึ่งอาจเกิดจาก

 

  • ซีสต์บิดขั้ว (Ovarian Torsion) ขั้วรังไข่บิด ทำให้เลือดไปเลี้ยงรังไข่ไม่ได้ ต้องผ่าตัดฉุกเฉิน
  • ซีสต์แตก (Ruptured Cyst) ของเหลวในซีสต์แตกออกมาในช่องท้อง

 

การวินิจฉัยซีสต์รังไข่

  • การซักประวัติและตรวจภายใน แพทย์อาจคลำพบก้อนที่หน้าท้อง
  • อัลตราซาวด์ (Ultrasound) เป็นเครื่องมือที่ สำคัญที่สุด ในการวินิจฉัย ช่วยบอกขนาด, ตำแหน่ง, และลักษณะของซีสต์ (เป็นถุงน้ำใส, มีก้อนเนื้อ, หรือเป็นเลือด) ซึ่งช่วยในการแยกประเภทของซีสต์ได้
  • การตรวจเลือด (Blood Tests) แพทย์อาจส่งตรวจ สารบ่งชี้มะเร็ง CA-125 เพื่อใช้ประกอบการวินิจฉัย แต่ค่าสารบ่งชี้มะเร็งนี้ ไม่เหมาะสำหรับการตรวจคัดกรองซีสต์หรือมะเร็งรังไข่ เนื่องจากค่า CA-125 สามารถสูงขึ้นได้ในภาวะปกติหลายอย่าง เช่น การมีประจำเดือน ดังนั้น การตรวจนี้จึงมักใช้ในกรณีที่เฉพาะเจาะจง เช่น ในสตรีวัยหมดประจำเดือนที่พบซีสต์ หรือเมื่อลักษณะซีสต์จากอัลตราซาวด์ที่ดูน่าสงสัย

 

แนวทางการรักษาซีสต์รังไข่

แนวทางรักษานั้นจะขึ้นอยู่กับ อายุของผู้ป่วย, ขนาดของซีสต์, ลักษณะของซีสต์ (จากอัลตราซาวนด์), และอาการ

 

  • การเฝ้าสังเกตและติดตาม (Watchful Waiting) ใช้สำหรับซีสต์ฮอร์โมน (Functional Cyst และ Corpus Luteum Cyst), ขนาดไม่ใหญ่มาก, และผู้ป่วยไม่มีอาการ แพทย์มักนัดอัลตราซาวด์ซ้ำในอีก 1-3 เดือน เพื่อดูซีสต์ยุบไปเองหรือไม่
  • การใช้ยา (Medical Treatment) เช่น การให้ยาคุมกำเนิด หรือยาฮอร์โมนที่ใช้รักษาซีสต์โดยเฉพาะ
  • การผ่าตัด (Surgical Treatment) ข้อบ่งชี้แนวทางการักษาด้วยวิธีการผ่าตัด คือ ซีสต์ที่มีขนาดใหญ่มาก (เช่น มากกว่า 5-10 ซม.), ซีสต์ที่โตเร็ว, ซีสต์ที่ก่อให้เกิดอาการปวดมาก, ซีสต์ที่มีลักษณะสงสัยเนื้อร้าย หรือเกิดภาวะแทรกซ้อน (ซีสต์บิดขั้ว หรือ ซีสต์แตก) โดยการผ่าตัดรักษาซีสต์รังไข่มีด้วยกัน 2 แบบ ได้แก่
    • การผ่าตัดส่องกล้อง (Laparoscopy): เป็นวิธีมาตรฐานในปัจจุบัน แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว
    • การผ่าตัดเปิดหน้าท้อง (Laparotomy): ใช้ในกรณีที่ซีสต์มีขนาดใหญ่มาก หรือสงสัยมะเร็งระยะลุกลาม


 

 

ซีสต์รังไข่ส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตรายและหายได้เอง การตรวจสุขภาพภายในและอัลตราซาวด์เป็นประจำปีเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการตรวจพบและติดตามซีสต์ เพื่อให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมก่อนที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน

 

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
 แผนกสูติ-นรีเวช ชั้น 1
Email:
information@ram2-hosp.com
Line Official: @ram2
โทร: 02-032-3888

 


บทความโดย

 

 

 


แพ็กเกจที่แนะนำ

 

 

 

 


 

 

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ

ดูเส้นทางมาโรงพยาบาลรามคำแหง 2