การผ่าตัดมะเร็งเต้านม ทางเลือกที่ใช่ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี

 

 

 

     การผ่าตัดมะเร็งเต้านม (mastectomy) เป็นวิธีหนึ่งในการรักษามะเร็งเต้านมสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมในระยะแรก โดยวิธีการผ่าตัดรักษาจะมีทั้งแบบการผ่าตัดเอาเต้านมออกทั้งหมด (Total mastectomy) และการผ่าตัดแบบสงวนเต้านม (partial mastectomy) ทั้งนี้พบว่าอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นที่ได้รับการผ่าตัดเต้านมแบบตัดออกทั้งเต้าจะเท่ากับอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดเต้านมออกบางส่วนร่วมกับการฉายรังสี ซึ่งการรักษาทั้ง 2 วิธี มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน 

 

การพิจารณาทางเลือกในการผ่าตัด

วิธีการผ่าตัดจะขึ้นอยู่กับผู้ป่วยในแต่ละราย  โดยแพทย์จะคำนึงจากปัจจัยเหล่านี้ร่วมในการพิจารณาใช้เลือกวิธีการผ่าตัด

 

• ลักษณะ หรือ ขนาด ของก้อนมะเร็ง 
• หินปูนที่มีความผิดปกติ
• ข้อห้าม หรือ ข้อจำกัด ในการฉายแสง
• ขนาดของเต้านม

 

การผ่าตัดเต้านมแต่ละเทคนิคมีข้อดี ข้อเสียอย่างไร

1.  การผ่าตัดเต้านมออกทั้งหมด (Total or Simple Mastectomy) 

     การผ่าตัดชนิดนี้เป็นการเลาะเนื้อเยื่อเต้านม ลานนม และหัวนมออกทั้งหมด โดยทิ้งแผลขนาดกว้างไว้เพื่อนำเนื้อเต้านมออกให้หมด ผู้ป่วยที่ผ่าตัดจึงไม่มีเต้านมข้างนั้นเหลืออยู่เลย

 

ข้อดีและข้อเสีย

 

• ข้อดี โอกาสกลับมาเป็นซ้ำบริเวณเต้านมเดิมน้อย ไม่ต้องฉายแสงกรณีก้อนไม่เกิน 5 เซนติเมตร ไม่มีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะข้างเคียงหรือต่อมน้ำเหลือง
• ข้อเสีย ผู้ป่วยจะสูญเสียเต้านมข้างที่ผ่าตัดไป รักษาตัวในโรงพยาบาลนานขึ้น อาจจจะต้องมีสายระบายเลือด/น้ำเหลืองหลังการผ่าตัด

 

2.  การผ่าตัดแบบสงวนเต้านม (Breast conservative surgery)

     การผ่าตัดแบบสงวนเต้านมเป็นวิธีที่แพทย์เน้นผ่าบริเวณที่เป็นก้อนมะเร็งและเนื้อเยื่อเต้านมบางส่วนที่อยู่โดยรอบ เพื่อคงรูปร่างของเต้านมเดิมไว้ หากได้รับการฉายรังสีร่วมก็ยิ่งช่วยลดโอกาสกลับมาเป็นโรคซ้ำได้เช่นเดียวกับการผ่าตัดแบบตัดเต้านมออกทั้งหมด

 

ข้อดีและข้อเสีย

 

• ข้อดี แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก ฟื้นตัวเร็ว ผู้ป่วยจะยังมีเต้านมที่มีลักษณะใกล้เคียงเดิม
• ข้อเสีย ผู้ป่วยจะมีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการฉายรังสีหลังการผ่าตัดแบบสงวนเต้า 

3.  การผ่าตัดแบบเสริมสร้างเต้านม (Breast Reconstruction)

     การผ่าตัดแบบเสริมสร้างเต้านมเป็นการผ่าตัดทที่ช่วยรักษามะเร็งเต้านมได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยแพทย์จะผ่าตัดเต้านมออกทั้งหมดและเสริมสร้างเต้านมใหม่ในคราวเดียว นอกจากนี้ยังลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำและตรวจติดตามผลได้สะดวก 

 

ชนิดของการผ่าตัดแบบเสริมสร้างเต้านม

เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรูปลักษณ์ที่ดีกว่า โดยวิธีการเสริมสร้างเต้านมหลังการผ่าตัดเต้านมทั้งเต้าออก ทำได้ 2 วิธีดังนี้

 

1) การผ่าตัดโดยใช้เนื้อเยื่อตัวเอง

     แพทย์จะย้ายเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อจากบริเวณอื่น เช่น หลังหรือหน้าท้องมาทดแทนเนื้อเต้านมส่วนที่ผ่าตัดออก อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของการผ่าตัดเสริมสร้างเต้านมชนิดนี้คือผู้ป่วยอาจมีความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้องลดลง หรือมีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ขยับหัวไหล่

 

2) การผ่าตัดเสริมโดยด้วยเต้านมเทียมหรือถุงซิลิโคน

     การผ่าตัดเสริมสร้างด้วยเต้านมเทียสมเป็นการทดแทนเต้านมที่ตัดทิ้งไป โดยมีข้อจำกัดเนื่องจากอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนกับผู้ป่วยที่ต้องได้รับการฉายรังสีร่วมด้วย เช่น การหดรั้งของเนื้อเยื่อรอบเต้านมเทียม หรือพังผืดดึงรั้งทำให้เต้านมผิดรูป

 

ข้อดีและข้อเสีย

 

• ข้อดี โอกาสในการเป็นซ้ำน้อย ผู้ป่วยจะมีเต้านมที่มีลักษณะใกล้เคียงเดิม
• ข้อเสีย ค่าใช้จ่ายสูง ใช้เวลาในการผ่าตัดนานขึ้น มีแผลผ่าตัดเพิ่มหากใช้เนื้อเยื่อตัวเอง เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ เกิดพังผืดจากการใส่ซิลิโคน

 

 

 

 

สรุป

     นอกเหนือจากการผ่าตัดที่เต้านมแล้ว ผู้ป่วยบางรายอาจต้องมีการผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ เพื่อความแม่นยำในการวินิจฉัยระยะของมะเร็งเต้านม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำนมหรือต่อมน้ำนมแบบลุกลาม หรือผู้ป่วยมะเร็งเต้านมชนิดในท่อน้ำนมระยะศูนย์ที่ผ่าตัดเต้านมแบบทั้งเต้า การผ่าตัดมีทั้งวิธีการผ่าตัดต่อมน้ำเหลืองกลุ่มแรก และการผ่าตัดชนิดเลาะต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ออกทั้งหมด

 

 

---

จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่า การผ่าตัดเต้านมมีหลากหลายวิธี ซึ่งมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกัน จึงควรปรึกษาศัลยแพทย์เฉพาะทางเต้านมเพื่อให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดแก่ตัวท่านเอง

 

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
 ศูนย์มะเร็งเต้านม โรงพยาบาลรามคำแหง 2
Email: information@ram2-hosp.com
Line Official: @ram2
โทร: 02-032-3888

 

 

---

บทความโดย

 

 

---

แพ็กเกจที่แนะนำ

 

 

 

---